นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.ยังคงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2560 ไว้ที่ 3.5-4% อัตราเงินเฟ้อคงอยู่ที่ 0.5-1.5% แต่มีความเป็นไปได้ที่การส่งออกปีนี้ทั้งปีอาจขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้ปัจจุบัน 3.5-4.5% หลังจากส่งออก 7 เดือนที่ผ่านมาเติบโตถึง 8.2%

 โดย กกร. จะขอประเมินภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าโดยเฉพาะสหรัฐ จากผลกระทบของพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ รวมทั้งประเด็นการเมืองในสหรัฐ และความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ และปัจจัยสำคัญจากความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ก่อนที่จะทบทวนประมาณการการส่งออกในการประชุมรอบถัดไปวันที่ 3 ต.ค.นี้

    ทั้งนี้ ที่ประชุมประเมินเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แต่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น รายได้เกษตรกรที่ถูกกระทบจากอุทกภัยและราคาสินค้าเกษตร และการแข็งค่าของเงินบาท

   นอกจากนี้ ยังเห็นได้จากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/60 ยังขยายตัวดีกว่าที่คาด โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของการส่งออก และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ทำให้ภาคบริการมีรายได้สูงขึ้น รวมถึงการผลิตภาคเกษตรที่ขยายตัวสูงเทียบกับฐานปี 2559 ที่เกิดภาวะภัยแล้ง ช่วยให้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น การบริโภคปรับตัวดีขึ้น

 อย่างไรก็ตาม เรื่องการแข็งค่าของเงินบาทมีปัจจัยจากทั้งการค้าขายภาคเอกชนไทยได้กำไรอยู่แล้ว การดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐส่งผลให้ค่าเงินดอลาร์สหรัฐอ่อนค่า ทำให้มีเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในไทย รวมถึงประเทศอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศคู่แข่ง

 "ต้องยอมรับว่า ค่าเงินบาทของไทยเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก โดยทั้งสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาครัฐกำลังหามาตรการและแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้มีความเข้าใจในวิธีป้องกันความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเบื้องต้นธนาคารก็พร้อมที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้ คาดจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า"นายปรีดี กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย